จุดเด่นในการลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (SUPEREIF)
-
สัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวประเภท Non-Firm กับ กฟภ. และ กฟน. สำหรับการซื้อขายไฟฟ้า
-
โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้ง 19 โครงการตั้งอยู่ในบริเวณที่มีความเข้มรังสีแสงอาทิตย์ (Solar Radiation) อยู่ในเกณฑ์ดี
-
การกระจายทำเลที่ตั้งของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้ง 19 โครงการ ช่วยลดความเสี่ยงจากเหตุปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น เหตุอุทกภัยร้ายแรง
-
การดำเนินการของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้ง 19 โครงการนับตั้งแต่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์อยู่ในระดับที่ดีกว่าค่าประมาณการทางทฤษฎี
-
ผู้รับซื้อไฟฟ้ามีความน่าเชื่อถือและมีความมั่นคงทางการเงิน
-
ผู้ให้บริการบริหารจัดการและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้า และจัดหาอะไหล่และอุปกรณ์ มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญ
-
คุณภาพของอุปกรณ์หลักที่ใช้เป็นไปตามมาตรฐานของธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
-
การจัดให้มีการตรวจสอบคุณภาพและการสำรองอะไหล่ต่างๆ ของเครื่องจักรอุปกรณ์ในระดับที่เหมาะสมสำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
-
การกำหนดค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ในการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าให้มีความผันผวนต่ำเพื่อลดความผันผวนของรายได้สุทธิ
-
การกู้ยืมเงินระยะยาวจากสถาบันการเงินช่วยบริหารโครงสร้างทางการเงินเพื่อเพิ่มประมาณการผลตอบแทนของผู้ถือหน่วยลงทุนให้สูงขึ้นเมื่อเทียบกับการระดมทุนจากผู้ถือหน่วยลงทุนเพื่อมาลงทุนทั้งจำนวน
-
SUPER จะรักษาสัดส่วนการถือหน่วยลงทุน ไม่ต่ำกว่า 20% ของจำนวนหน่วยลงทุนที่ออกและเสนอขายครั้งแรกทั้งหมด จนครบระยะเวลา 12 ปี นับแต่วันที่กองทุนฯ เข้าลงทุนสำเร็จ
-
17AYH และ HPM ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำหรับโครงการพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ทั้ง 19 แห่ง ซึ่งภาษีเงินได้นิติบุคคลจากการประกอบกิจการโรงไฟฟ้านั้น เป็นส่วนหนึ่งของค่าใช้จ่ายตามโครงสร้างที่จะโอนให้แก่กองทุนฯ ตามสัญญาโอนสิทธิรายได้สุทธิ